วันพฤหัสบดีที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ช็อกโกแลตดุแลตับ

นักวิจัยชาวสเปนค้นพบว่า ดาร์กช็อกโกแลตอาจกลายมาเป็นยารักษาโรคตับแข็งอย่างมีประสิทธิภาพได้ในอนาคต

โดยพวกเขาได้ทดลองให้ผู้ป่วยโรคตับแข็งระยะสุดท้ายรับประทาน ดาร์กช็อกโกแลตเป็นประจำหลังอาหาร และพบว่าผู้ป่วยมีความดัน เลือดในช่องท้องและตับเพิ่มขึ้นหลอดเลือดที่เสื่อมสภาพในเซลล์ตับ จึงถูกฟื้นฟูและขยายตัว ทั้งนี้เป็นเพราะในผลโกโก้ที่นำมาผลิตช็อกโกแลตนั้นมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยทำความสะอาดและขยายหลอดเลือดนั่นเอง นับว่าเป็นการจุดประกายความหวังการรักษาโรคตับได้เป็นอย่างดี

วันอังคารที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2553

อาการคนขาดวิตามินซี

ทราบหรือไม่ว่าอาการแบบไหนที่เรียกว่ากำลังขาดวิตามินซี

- อาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร มีเลือดออกตามไรฟัน โดยเฉพาะเวลาแปรงฟัน เป็นหวัดง่าย และเป็นบ่อยๆ หายแล้วก็เป็นอีก เพราะภูมิต้านทานต่ำ เนื่องจากวิตามินซีเป็นสารอาหารในการเสริมภูมิต้านทานของร่างกาย

- เมื่อปล่อยให้ขาดวิตามินซีไปนานๆ ก็จะแสดงอาการออกทางกล้ามเนื้อ ผิวหนัง และเส้นเลือด เช่น เจ็บกล้ามเนื้อ อ่อนแรง เส้นเลือดไม่แข็งแรง เส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังแตกง่าย ผิวช้ำง่าย ปากแห้ง ผิวแห้ง

- ถ้าเป็นแผลจะหายช้า และอาจนำมาซึ่งปัญหาโรคข้อกระดูก โรคหลอดเลือด และโรคหัวใจ ในกรณีที่ขาดวิตามินซีเป็นเวลายาวนาน

รู้อย่างนี้แล้ว อย่าลืมดูแลตัวเองไม่ให้ขาดวิตามินซี เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง.

ชาจีน ดับกลิ่นคาวปลาในการต้ม

วิธีการดับกลิ่นคาวของปลาในการปรุงอาหารนั้นเป็นเคล็ดลับคู่ครัวที่คุณแม่บ้าน หรือว่าสาวๆ ที่ชอบทำอาหารควรรู้ไว้นะคะ เพราะเวลาต้มปลาออกมาแล้วมีกลิ่นเหม็นคาว เมนูเด็ดจานนั้นอาจจะไม่น่าทานไปเลยก็ได้ค่ะ


ซึ่งวิธีการก็ง่ายๆ ค่ะ เพียงแค่ใส่ใบชาจีนลงไปในหม้อที่ใช้ต้มปลาประมาณ 6 – 7 ใบ ปลาที่ต้มออกมาก็จะไม่มีกลิ่นคาว ยิ่งถ้าทุบหอมแดงลงไปสัก 2 – 3 หัว ด้วย ก็จะช่วยเพิ่มรสชาติปลาต้มได้ดีขึ้นไปอีกค่ะ ลองนำไปทำดูนะคะ รับรองต้องติดใจแน่นอนจ้า!!

วันอังคารที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

น้อย กับ มากช่วยชะลอชลาได้ง่าย

เนื้อน้อย - ผักมาก
กินอาหารประเภทเนื้อสัตว์แต่น้อยให้กินพวกพืชผักต่าง ๆ ให้มาก โดยเฉพาะผู้สูงวัยเพราะระบบย่อยอาหารเริ่มจะเสื่อมลงและหย่อนสมรรถภาพจึงจำเป็นต้องกินอาหารที่ย่อยงาย และเมื่อมีอายุมากขึ่นร่างกายก็ต้องการอาหารเข้าไปเสริมสร้างความเจริญเติบโตให้แก่ร่างกายแต่อย่างไร
เกลือน้อย - ส้มมาก
ควรกินอาหารที่ไมรสเค็มจัดเพราะจะมีปัญหาเกี่ยวกับไตและความดันโลหิตสูงให้กินผลไม้ที่มีรสเปรียวเพิ่มขึ้นเพื่อระบายท้องและจะได้รับวิตามินซีเพื่อความแข็งแรงของร่างกาย ช่วยบำรุงฟัน และป้องกันโรค ลักปิดลักเปิดด้วย
น้ำตาลน้อย - ผลไม้มาก
ควรจะกินผลไม้แทนขนม ของหวานแต่ควรเลือกผลไม้ที่รสไม่หวานจัด ร่างกายจะได้รับทั้งวิตามิน เกลือแร่มากขึ้นเพื่อมาต้านทานโรคต่าง ๆ ได้
กินน้อย - เคี้ยวมาก
กินอาหารทีละน้อย ไม่ต้องตักคำโต และแต่ละคำควรเคี้ยวให้ละเอียด อย่างน้อยเคี้ยวสัก 15 ครั้งต่ออาหาร 1 คำ จะช่วยทำให้กระเพาะอาหารย่อยอาหารได้ง่ายขึ้น และไม่มีปัญหาเรื่องท้องผูก ท้องเฟ้อ ท้องอืด


เดี้ยวกับมาต่อให้น้ะค้ะ

วันจันทร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2553

ประโยชน์ของโกโก้

ประโยชน์ของโกโก้


ดื่มโกโก้วันละแก้วสุขภาพดี

นอกชาหรือไวน์แดงแล้ว โกโก้ก็อุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ไม่แพ้กัน

ผลการศึกษาชิ้นใหม่พบว่านอกจาก ชา หรือไวน์แดง ที่รู้กันดีว่ามีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ หรือสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันโรคได้หลายโรค รวมถึงยังป้องกันผลกระทบจากอายุที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน ยังมีอาหารอีกชนิดหนึ่ง นั่นก็คือ "โกโก้" ที่มีคุณสมบัติมากกว่าเครื่องดื่มเสริมสุขภาพที่ว่ามาเสียอีก

นักวิทยาศาสตร์ในสหรัฐอเมริกาศึกษาพบว่า โกโก้ร้อน 1 ถ้วยนั้นอุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ มากกว่าเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีเช่น ชา หรือ ไวน์แดง

ทั้งนี้ เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผลการศึกษาหลายชิ้นได้เน้นถึงคุณสมบัติในการเสริมสร้างสุขภาพทีพบใน ชา ไวน์แดง และโกโก้ โดยมีงานวิจัยในจีน ตีพิมพ์เมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้วพบว่า คนที่ดื่มน้ำชาเป็นประจำนั้นมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งน้อยกว่าคนที่ไม่ดื่มกว่าครึ่งหนึ่ง

ปีที่แล้ว นักวิจัยในฝรั่งเศสรายงานว่า ดื่มไวน์แดงวันละแก้ว อาจช่วยลดโอกาสความเสี่ยงของโรคหัวใจ และในปี 1998 ได้มีการศึกษากับคนอเมริกันกว่า 8,000 คนพบว่าช็อกโกแลต ซึ่งผลิตมาจากโกโก้ นั้นอาจช่วยให้อายุยืนขึ้น เนื่องจากอุดมไปด้วย โพลีฟีนอล ซึ่งเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่จะช่วยกวาดล้างของเสียที่ผลิตจากร่างกาย โดยของเสียเหล่านั้นมีส่วนทำลายเซลล์ และก่อให้เกิดมะเร็งได้

ในการศึกษาล่าสุดนี้ ดร. ชาง ยง ลี และคณะ จากมหาวิทยาลัยคอร์แนล ในนิวยอร์ก ได้ทำการทดสอบโดยวัดระดับสารต่อต้านอนุมูลอิสระใน ชา ไวน์แดง และโกโก้ พบว่าโกโก้ถ้วยหนึ่งนั้นมีสารแอนตี้ออกซิแดนท์มากที่สุด โดยมีมากกว่า ไวน์แดง 1 แก้วถึง 2 เท่า มากกว่าชาเขียว 1 ถ้วยถึง 3 เท่า และมากกว่าชาดำถึง 5 เท่าเลยทีเดียว

แม้ว่าโกโก้จะถูกนำไปทำเป็นอาหารหลายอย่างรวมทั้ง ช็อกโกแลต แต่นักวิจัยเผยว่า ทางที่ดีที่สุดที่จะได้รับคุณค่าสารอาหารอย่างเต็มที่ ก็คือการดื่มโกโก้ โดยตรง ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าในช็อกโกแลต 1 แท่งอุดมไปด้วยไขมัน โดยช็อกโกแลตแท่ง ขนาด 40 กรัมนั้นมีไขมันมากถึง 8 กรัม ขณะที่โกโก้ร้อน 1 ถ้วยมีไขมันเพียงแค่ประมาณ 0.3 กรัมเท่านั้น

"แม้เรารู้ว่าสารต่อต้านอนุมูลอิสระนั้นดีต่อสุขภาพของเรามาก แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าในแต่ละวัน เราต้องการสารนี้กันจำนวนเท่าใด" ดร. ลี กล่าว "แต่กระนั้น โกโก้ร้อน ถ้วยหรือ สองถ้วย ก็ช่วยในด้านของความอร่อย ดื่มแล้วก็ทำให้รู้สึกอุ่น และช่วยเสริมสร้างสุขภาพจากสารแอนตี้ออกซิแดนท์ที่ได้รับอีกด้วย"

วันอังคารที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2553

อาหาร5อย่างที่คุณควรเลี่ยง

อาหาร 5 อย่างที่คุณควรเลี่ยง

ได้อ่านรายงานการวิจัยจาก EWG (Environmental Working Group) ในสหรัฐอเมริกาเมื่อเร็วๆ นี้ พบว่าผลการตรวจเลือดของเด็กแรกเกิดในสหรัฐอเมริกามีสารที่อาจเป็นพิษตกค้างในเด็กอ่อนได้โดยเฉลี่ยมากถึง 287 ชนิด! ทั้งยาฆ่าแมลง สารปรอท และสารเคมีอย่างพวก Teflon ซึ่งก็เป็นเพราะคุณแม่ระหว่างตั้งครรภ์นั้น รับประทานอาหารที่มีสิ่งปนเปื้อนเหล่านี้เข้าไป จึงตกค้างอยู่ในลูก

งานวิจัยพบว่าการเก็บตัวอย่างอาหารทั้งหลายมียาฆ่าแมลง และยาฆ่าวัชพืชตกค้างมากถึง 50-90% เลยทีเดียว ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่อาหารที่เรากินในปัจจุบันนี้ ห่างไกลจากความปลอดภัยโดยสิ้นเชิง มาดูกันสิว่าจะเริ่มต้นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อสุขภาพที่ดีนั้น คุณควรหลีกเลี่ยงอาหารอะไรบ้าง

อาหารกระป๋องทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลไม้กระป๋อง ทั้งนี้เพราะความเป็นกรดจากผลไม้กระป๋อง จะไปกร่อนให้สารเคมีบางอย่างออกมาจากกระป๋องและปนเปื้อนอยู่ในอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Bisphenol-A หรือเรียกย่อๆ ว่า BPA ซึ่งพบว่าเชื่อมโยงไปถึงปัญหาสุขภาพ ตั้งแต่โรคหัวใจ เบาหวาน ความอ้วน ปัญหาของระบบสืบพันธุ์ ระบบประสาท และอาจเชื่อโยงไปถึงการเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านม และมะเร็งต่อมลูกหมากได้อีกด้วย ควรจะต้องระมัดระวังอย่างยิ่งในเด็ก แค่ได้อาหารกระป๋องวันหนึ่งสัก 2-3 ครั้ง ก็เกินค่าปลอดภัยไปแล้ว ทางที่ดีเลือกรับประทานผักผลไม้สด หรือถ้าอยากรับประทานผลไม้ที่ไม่ตรงตามฤดูกาล ก็ขอเลือกที่เก็บไว้ในขวดโหลแก้วจะดีกว่ากระป๋องโลหะ


ควรเลี่ยงป๊อปคอร์นที่ทำโดยไมโครเวฟ ทั้งนี้เพราะคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากไมโครเวฟนั้น จะไปทำให้สารเคมีในถุงป๊อปคอร์นระเหยมาปนเปื้อน ทำให้ข้าวโพดคั่วของคุณนั้นไม่ปลอดภัยอย่างที่คิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สารที่เรียกว่า PFOA (Perfiuorooctanoic Acid) ซึ่งเคลือบอยู่ภายในถุงของป๊อปคอร์น จากการวิจัยในสัตว์ทดลองพบว่าสารนี้ สามารถเชื่อมโยงไปถึงการมีลูกยาก การทำงานที่ผิดปกติของสารเคมีต่างๆ เพิ่มความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งตับอ่อน มะเร็งของตับและมะเร็งของอัณฑะ


เนื้อสัตว์รวมถึงปลาที่มาจากฟาร์มปศุสัตว์ ที่เร่งเลี้ยงให้สัตว์เหล่นี้เจริญเติบโตเร็วกว่าธรรมชาติ โดยใช้ทั้งยาปฏิชีวนะ ฮอร์โมนกระตุ้น ไปจนถึงให้สารอาหารที่ไม่ธรรมชาติ อย่างเช่น วัวควรจะกินหญ้าตามธรรมชาติ แต่วัวที่เลี้ยงในปศุสัตว์นั้นกลับไปให้กินธัญพืช ถั่วเหลือง ข้าวโพด ซึ่งไม่ใช่อาหารธรรมชาติ งานวิจับพบว่าเมื่อเทียบเนื้อวัวจากฟาร์มปศุสัตว์ กับวัวที่เลี้ยงกินหญ้าตามธรรมชาติ เนื้อวัวกินหญ้าจะมีเบต้าแคโรทีน วิตามินอี กรดไขมัน จำเป็นโอเมก้า 3 โอเมก้า 6 conjugated linoleic Acid หรือ CLA มากกว่า รวมทั้งมีเกลือแร่ แคลเซียม แมกนีเซียม โปแตสเซียมสูงกว่าด้วย ทั้งนี้สาระสำคัญคือ กรดไขมันชนิด CLA นั้น จำเป็นต่อสุขภาพ มีคนนำมาใช้ช่วยในการลดน้ำหนัก เพราะช่วยลดการสะสมของไขมัน ช่วยให้ระบบเผาผลาญพลังงานได้ดีขึ้น เสริมการทำงานของต่อมไทรอยด์ ทั้งยังช่วยรักษาระดับของ คอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ไม่ให้สูงจนเกินไป มีผลช่วยป้องกันเบาหวานได้ดี แต่จะได้จากวัวที่เลี้ยงตามธรรมชาติเท่านั้น หากเลี้ยงโดยปศุสัตว์ใช้สารเคมียาและฮอร์โมนเร็วก็จะไม่มีสาร CLA เท่าที่ควร

นอกจากจะต้องเลี่ยงสัตว์จากฟาร์มเลี้ยงแล้ว ปลาแซลมอนที่มาจากฟาร์มเลี้ยงก็ควรจะต้องระมัดระวังด้วย เพราะมักมีสารเคมี ทั้งยาฆ่าแมลงจำพวก DDT Dioxin และสารก่อมะเร็งบางอย่าง ซึ่งพบได้มากในปลาที่เลี้ยงมากกว่าปลาที่จับได้จากทะเล แต่ปลาจากทะเลก็ใช่ว่าจะปลอดภัยเสียทีเดียว เพราะโรงงานอุตสาหกรรมทั้งหลาย ต่างเอาขยะไปโยนทิ้ง ทำให้มีโลหะหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสารปรอทตกค้างการศึกษาโดย US Geological Survey พบว่าเมื่อสำรวจแม่น้ำสายต่างๆ ในอเมริกา 300 สาย มีถึง 27% ที่มีระดับของปรอทในปลาจากแม่น้ำเหล่านั้น มากกว่าค่ากำหนดของ US EPA ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลสิ่งแวดล้อม ทางที่ดีควรเลือกรับประทานปลาที่มาจากธรรมชาติในแหล่งที่บริสุทธิ์ อย่างเช่น อลาสก้า ซึ่งไม่ค่อยจะมีโรงงานอุตสาหกรรมมากนัก หรือาจจะหันไปรับประทานปลาตัวเล็กๆ อย่างปลาซาร์ตีน หรือปลาแอนโชวี่ ซึ่งยังมีกรดไขมันจำเป็น โอเมก้า 3 แถมเคี้ยวก้างกรุบกรอบได้ทั้งตัวได้แคลเซียมเพิ่มขึ้นด้วย และปลาตัวเล็กก็จะปลอดภัย จากสารเคมีตกค้างมากกว่าปลาตัวใหญ่


ควรหลีกเลี่ยง นม และผลิตภัณฑ์นม ทั้งนี้ เพราะนมส่วนใหญ่นั้น ได้มาจากฟาร์ม โคนม ซึ่งมีการใช้ ฮอร์โมนเร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโกรทฮอร์โมนที่เรียกว่า rBGH Recombinant bovine Growth Hormone ซึ่งหมายถึง ฮอร์โมนที่ไปเร่งการเจริญเติบโต เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์นมมากที่สุด พบว่าโกรทฮอร์โมนที่ไม่ธรรมชาตินี้ตกค้างอยู่ในนม และผลิตภัณฑ์นมและอาจจะไปเพิ่มความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งต่อมลูกหมากได้


ควรหลีกเลี่ยง ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ ที่ผลิตเป็นอุตสาหกรรมทั้งหมด ซึ่งมักจะเป็น Nonorganic คือมีสารเคมี ทั้งยาฆ่าแมลง ยาฆ่าวัชพืช ฮอร์โมนเร่ง ยาปฏิชีวนะทั้งหลาย ทางที่ดีควรจะเลือกรับประทานเนื้อสัตว์ที่มาจากฟาร์ม organic ซึ่งหมายถึงเลี้ยงโดยธรรมชาติ วัวก็ต้องกินหญ้า ไม่ใช่ให้กินถั่ว กินธัญพืช ไก่ก็ต้องเลี้ยงโดยธรรมชาติ ไม่ใช่ใส่สารเคมีเร่ง ซึ่งค่อนข้างจะหายาก และราคาแพง แต่เพื่อสุขภาพของตัวคุณเองในระยะยาว เห็นทีจะต้องพยายามปลูกผักทำสวนครัว เลี้ยงไก่ เอาไว้กินไข่เองที่บ้านถึงจะปลอดภัยที่สุดนะคะ


เอาเป็นว่าอะไรที่ดูไม่ธรรมชาติก็พยายามหลีกเลี่ยงรับประทานอาหารสด ที่ผ่านความร้อนไม่สูงมากหนัก ด้วยการต้ม ตุ๋นนึ่ง หลีกเลี่ยงการปิ้ง ย่าง ทอด ซึ่งจะทำให้คุณค่าอาหารเสีย และเพิ่มสารพิษมากขึ้นกว่าเดิม

สาวจีนห่มผ้า

ส่วนผสม
กุนเชียงไก่ หมู
(หั่นเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 นิ้ว ยาวประมาณ 6 นิ้ว) อย่างละ 3 อัน
หัวไชเท้า 2 หัว
ขึ้นฉ่าย 5 ต้น
น้ำส้มสายชู 1 ถ้วย
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1 ช้อนชา


วิธีทำ
1. ต้มน้ำส้มสายชู น้ำตาล เกลือ ด้วยไฟปานกลาง พอเดือดน้ำตาลละลายให้ยกลง
2. ล้างหัวไชเท้าปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้นบางๆตามยาว ตัดเป็นเส้นกว้างประมาณ 1 1/2 ซม. ใส่ลงในหม้อน้ำส้ม (ข้อ1) และดองไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง
3. ล้างขึ้นฉ่ายตัดใบออก ลวกส่วนก้านในน้ำเดือด พอนุ่มตักขึ้นแช่น้ำเย็น ฉีกเป็นเส้นๆใช้เป็นเชือกสำหรับผูก
4. ล้างกุนเชียง นึ่งในน้ำเดือด ไฟแรงพอสุก ยกลง หั่นเป็นชิ้นยาว 1 นิ้ว ผ่าครึ่งเป็น 2 ชิ้นเท่าๆกัน
5. ตักหัวไชเท้าดองออกจากหม้อให้สะเด็ดน้ำ พันกุนเชียงด้วยหัวไชเท้าดอง วางใบขึ้นฉ่าย 1 ใบลงข้างบน พันด้วยก้านขึ้นฉ่าย ผูกให้แน่น
6. จัดวางลงในถาด เสิร์ฟกับเครื่องดื่มเป็นออเดิร์ฟ

เคล็ดลับ
ถ้าชอบรสเผ็ดไม่ต้องดองหัวไชเท้า ขยำหัวไชเท้ากับเกลือพอนุ่ม ล้างด้วยน้ำแล้วจึงนำมาพัน แต่ในการที่ดองหัวไชเท้าก่อนทำให้รสชาติอร่อย ความเปรี้ยวทำให้ไม่เลี่ยน